วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

นอนแพ ลอยคอ กาญจนบุรี

""สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆ ที่เคารพทุกท่าน เที่ยวทั่วไทยไปได้ทุกเดือนกลับมาอีกครั้งครับ ทริปนี้เรามีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มอีกครั้งครับ พวกเราลงความเห็นกันแล้วว่าจะไปนอนแพที่จังหวัดกาญจนบุรี แต่ละคนจึงช่วยกันหาข้อมูลเพื่อมาแชร์กัน ช่วยกันเลือกสถานที่ที่เหมาะกับพวกเรามากที่สุด ดังนั้นพวกเราก็ไม่รอช้าที่จะตัดสินใจ พวกเราลงความเห็นแล้วว่าพวกเราจะไปพักที่แพ "ริเวอร์แคว จังเกิ้ล วิว" รอช้าอะไรครับติดต่อสอบถามทางรีสอร์ทเลยดีกว่า พวกเราได้ข้อมูลได้ว่า ราคาที่พัก + อาหาร 2 มื้อ(เย็น ,เช้า) ตกอยู่ที่คนละ 1,000 บาท/คน ซึ่งพวกเราคิดดูน่าจะคุ้มค่าพอสมควรเพราะจะได้ประหยัดค่าอาหารไปตั้ง 2 มื้อ เมื่อพวกเราเลือกสถานที่ได้แล้วก็ต้องมาสรุปวันที่จะเดินทางไปพักกันต้องเลือกให้ทุกคนลางานได้สะดวกที่สุด พวกเราตัดสินใจกันแล้วว่าจะเดินทางไปวันที่ 18-19 มิถุนายน 2559 พวกเราทำการโทรไปยืนยันวันเข้าพักกับทางรีสอร์ททันที่ หลายคนอยากให้ถึงวันเดินทางเร็วๆ หลายคนอยากเที่ยว หลายคนอยากพักผ่อน หลายคนอยากเจอกัน.....การเดินทางของพวกเราครั้งนี้ พวกเราไปกันทั้งหมด 8 คน , 4 คู่ , 4 ครอบครัว แบ่งการเดินทางออกเป็น 2 เส้นทางก็คือสายทางกรุงเทพ และสายทางสุพรรณบุรี พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวสถานที่อื่นๆด้วยก่อนที่จะเข้าไปยังที่พัก พวกเรานัดเจอกันที่ "สะพานข้ามแม่น้ำแคว" เวลาประมาณ 10 โมงเช้าของวันที่ 18 มิถุนายน 2559


""คืนวันที่ 17 มิถุนายน 2559"" ก่อนออกเดินทาง ผมนัดน้องๆที่จะเดินทางจากทางกรุงเทพฯมาเจอกันที่คอนโด ในเมื่อนัดกันแล้วจะมานั่งมานอนเฉยๆก็ใช่ที่ รอช้าทำไมละครับจัดกันเบาๆก่อนออกเดินทาง 9 ขวดดื่มพอให้นอนหลับได้สบาย


เป็นช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 พอดีเลยก็ดื่มไปดูไปเพลินจะตาย ดื่มเยอะไม่ได้เพราะต้องออกเดินทางแต่เช้าถ้าไม่งั้นนะ มีอ้วกกันไปข้างหนึ่งแน่นอน พวกเรานั่งดื่มกันไปสักพักก็ถึงเวลาอันไปสมควรที่จะต้องนอนพักผ่อนกันได้แล้วโดยเฉพาะผมที่ต้องขับรถ พรุ่งนี้พวกเราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตี 4 ครับถามว่าทำไมต้องตั้งปลุกเช้าขนาดนั้นเพราะพวกเราตั้งใจออกแต่เช้าอย่างที่เกริ่นไว้ในตอนแรกและที่คอนโดมีห้องน้ำห้องเดียวและต้องอาบน้ำกันตั้ง 4 คนซึ่งอาจจะใช้เวลานานพวกเราจึงต้องตั้งปลุกกันแต่เช้า ได้เวลานอนแล้ว "ฝันดีนะทุกคน"

""วันที่ 18 มิถุนายน 2559"" เวลาประมาณตี 4 นาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ก็พร้อมใจกันดังขึ้นสนั่นห้องกันเลยทีเดียว ไม่ตื่นยังไงไหว ตื่นแล้วก็สลับกันอาบน้ำ หลังจากสลับกันอาบน้ำจนเสร็จก็ตระเตรียมข้าวของต่างๆขึ้นรถ ล้อหมุนออกจากคอนโดก็ปาเข้าไปเกือบ 6 โมงเช้าแล้ว พอออกจากคอนโดพวกเราก็แวะเต้มน้ำมันซื้อของที่ยังขาดเหลือเพิ่มอีกสรุปแล้วพวกเราออกจากกรุงเทพฯตอน 6 โมงเช้า ล้อหมุนลุยและนี่เป็นครั้งแรกที่ผมขับรถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปยังจังหวัดกาญจนบุรี พวกเราเดินทางโดยใช้เส้นทางพระราม 2 ขับเข้าบางแค เข้าสู่จังหวัดนครปฐม วิ่งเส้นอำเภอนครชัยศรี เข้าอำเภอบ้านโปร่ง จังหวัดราชบุรี มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี เวลาที่พวกเรากะเกณฑ์เอาไว้น่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางขับรถพวกเราก็สนทนากันอย่างสนุกสนานจะได้ไม่เหงาและจะได้นั่งเป็นเพื่อนคนขับรถอย่างผมด้วย แต่ผมมีคนข้างกายผมนั่งเปิด "Google Map" เป็นตัวช่วยในการเดินทางครั้ง หลังจากขับรถมาได้สักพักเสียงที่เคยนั่งคุยกันก็ค่อยๆเงียบลง เงียบลง จนไม่มีเสียงตอบโต้จากทางด้านหลัง ซึ่งเข้าใจได้ว่า


หลังจากพูดมาตลอดทางก็สิ้นฤทธิ์จนได้ ช่วงที่ขับรถพวกเราไม่ได้แวะไหนเลยขับมากันมาเรื่อยๆ ด้วยความที่อยากไปเที่ยวให้ได้หลายๆที่กับเวลาที่มีอันน้อยนิดเราต้องทำให้ได้ เวลาผ่านไปเกิบ 2 ชั่วโมงพวกเราก็เดินทางมาถึงจังหวัดกาญจนบุรี พวกเราก็เลยเลือกที่จะแวะปั้มซื้อกาแฟดื่ม เข้าห้องน้ำ ยืดแข้งยืดขา เสร็จสิ้นธุระจากปั้ม พวกเราก็มุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบที่พวกเราตกลงกันไว้ก่อนออกเดินทาง
""เวลา 08:30 น."" พวกเราเดินทางมายังจุดนัดพบเป็นกลุ่มแรก ซึ่งมาถึงก่อนเวลาที่พวกเรานัดกันพอสมควร พวกเราก็เดินเล่นบริเวณสะพาน ถ่ายรูป เดินดูของฝาก เพื่อรออีกกลุ่มที่มาจากทางสุพรรณฯ(ช้ามาก) วันที่พวกเราไปนั้นตรงกับวันเสาร์พอดี ผู้คนที่เดินทางมาเที่ยวที่นี่เลยดูหนาตาพอสมควร ไปถ่ายรูปเล่นกันดีกว่า



มาถึงก่อนก็ได้เปรียบแบบนี้แหละ ได้เปรียบที่มาถึงก่อนแต่เสียเปรียบที่หิวข้าวแล้วต้องรอคนที่เหลือมากันให้พร้อมหน้าพร้อมตาจะได้กินข้าวพร้อมๆกัน พวกเรานั่งรอกลุ่มที่เหลือที่จะมาสมทบกันสักประมาณ 20 นาทีเห็นจะได้ ในเมื่อรวมตัวกันครบแล้วก็เดินหาร้านข้าวกินเพื่อเติมพลังกันก่อน ขณะที่พวกเรานั่งกินข้าวกันนั้นพวกเราก็คุยกันถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปเที่ยวก่อนที่จะไปยังรีสอร์ท 
""เวลา 10:00 น."" พวกเราเดินทางออกจากสะพานข้ามแม่น้ำแควแล้วมุ่งหน้าไปยัง "ปราสาทเมืองสิงห์" ซึ่งเป็นทางผ่านที่พวกเราจะไปยังรีสอร์ทพอดีครับ


มาถึง จอดรถ แล้วก็เดินเล่นบริเวณรอบๆปราสาท พวกเราก็รวมตัวกันถ่ายรูปหมู่ เพราะตอนแรกว่าจะถ่ายรูปหมู่กันที่สะพานข้ามแม่น้ำแควแต่เนื่องจากคนเยอะเราจึงเปลี่ยนมาเป็นที่นี่



ถ่ายรูปหมู่แล้วก็ถ่ายแยกบ้าง ชายสี่ หญิงสี่ ลงตัวที่สุด อากาศในช่วงที่เราเดินเล่นบริเวณปราสาทนั้นไม่ร้อนมากอากาศค่อนข้างครึ้มฟ้าครึ้มฝนตลอดทั้งวัน พอถ่ายรูปหมู่กันเสร็จพวกเราก็เดินชมสถาปัตยกรรมโบราณของตัวปราสาทกัน



เดินเล่นกันสักพักพอประมาณพวกเราก็เดินไปที่รถ ระหว่างทางเดินกลับก็ถ่ายรูปเล่นกันไปด้วย ส่วนผมมีความชื่นชอบในการท่องเที่ยวตามสถานที่โบราณอยู่แล้วผมก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปบริเวณโดยรอบของปราสาทมาให้ดูกันครับ



อ่อๆสำหรับประวัติโดยย่อของ "ปราสาทเมืองสิงห์" พอสังเขปมีดังนี้ครับปราสาทเป็นสถาปัตยกรรมสมัยขอมเรืองอำนาจ สร้างจากศิลาแลง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดู เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าตามความความเชื่อในสมัยนั้น สน้างในสมัยของ "พระเจ้าชัยวรมันที่ 7" อายุของปราสาทก็น่าจะอายุราวๆ 2,000 ปีเห็นจะได้ครับ เนื้อที่โดยรอบของปราสาทมีทั้งหมด 641 ไร่และมีวัตถุโบราณที่ขุดค้นเจอหลายจุดครับ และนี่ก็ค่อเกร็ดเล็กๆน้อยๆ ของปราสาทเมืองสิงห์ครับ
""เวลา 10:45 น."" พวกเราเดินทางออกจากปราสาทเมืองสิงห์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่ต่อไปนั่นก็คือ "สถานีรถไฟถ้ำกระแซ" ที่เรามาที่นี่ก็เพราะเป็นทางรถไฟสายมรณะที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมนั่งและจะถ่ายรูปในช่วงนี้ของทางรถไฟเพราะเป็นจุดที่เสียวและอันตรายที่สุด ทางรถไฟสายนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สมัยที่ทหารญี่ปุ่นใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อเดินทางไปยังประเทศเมียนม่าและได้สร้างทางรถไฟสายนี้ขึ้นมา


เพื่อใช้ในการลำเลียงทหารและขนย้ายอาวุธในการทำสงคราม ทางรถไฟนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือเชลยศึกที่ทหารญี่ปุ่นนำมาใช้เป็นแรงงานในการก่อสร้างเชลยส่วนใหญ่เป็นชาว ออสเตรเลีย อังกฤษ ซึ่งเป็นหารฝ่ายพัธมิตรที่สู้รบกับทางญี่ปุ่น
วันที่พวกเราไปเที่ยวนั้นถือว่าเป็นความโชคดีของพวกเรามากเพราะขณะนั้นมีรถไฟผ่านมาพอดีครับ ซึ่งเป็นรถไฟขบวนพิเศษที่มีนั่งท่องเที่ยวนั่งมากันเต็มขบวนครับน่าจะเป็นกรุ๊ปทัวร์
""เวลา 11:30 น."" หลังจากรถไฟขบวนพิเศษผ่านไปพวกเราก็ออกเดินทางไปยังที่รีสอร์ท เพราะคิดดูแล้วขับรถกันไปเรื่อยๆกว่าจะถึงที่พักก็ได้เวลาเช็คอินพอดี พวกเราขับรถตามกันไปเรื่อยๆและก็มาแวะกินข้าวกันที่น้ำตกไทรโยคน้อยกันหลายคนเริ่มหิวพอดี อีกอย่างก็ถือโอกาสซื้อของกิน ขนมขบเคี้ยว เพิ่มเติมเพราะคิดดูแล้วรีสอร์ทน่าจะอยู่ลึกคงไม่มีร้านขายของก็เลยต้องซื้อกันไปเผื่อขาดเหลืออะไร พวกเรากินข้าวกันที่ร้านส้มตำแต่ละคนคงหิวมากก็เลยกระหน่ำสั่งอาหารมากินกันอย่างไม่ยั้ง ส้มตำไทย , ส้มตำปูปลาร้า , ต้มแซ่บ , ไส้อั่ว , น้ำตกหมู , ไก่ย่าง , ส้มตำทะเล เท่าที่นึกได้ก็ประมาณนี้อ่ะครับ อิ่มกันแล้วก็เดินทางกันต่อเลยดีกว่าครับ



ไป ไป ไป มุ่งหน้าไป "ริเวอร์แคว จังเกิ้ล วิว" กันบ่ายคล้อยแล้วอยากพัก อยากนอนแล้วขับรถเมื่อมาทั้งวันแล้ว พวกเราขับรถกันเรื่อยๆครับไม่ได้ขับรถมากเนื่องจากต้องดูป้ายบอกทางไปด้วย ป้ายจะบอกทางไปรีสอร์ทเป็นระยะๆ ขับเข้าไปพวกเราก็เข้าใกล้ธรรมชาติเข้าไปทีละนิดๆ เปิดกระจกขับรถไปอากาศเย็นสบายมาก สัมผัสได้ถึงความสดชื่น ขับรถมาประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงพวกเราก็เดินทางมาถึงรีสอร์ทแล้วครับ ที่ "ริเวอร์แคว จังเกิ้ล วิว" แบ่งเป็น 2 เฟส พวกเราได้ไปพักที่เฟส 2 ต้องขับเลยไปอีกนิดหนึ่ง ซึ่งในส่วนของเฟสที่ 2 นั้นทางเดินลงไปยังแพที่เราจะพักกันค่อนข้างชันพอสมควรพวกเราต้องจอดรถไว้ริมถนนด้านบนและเดินเท้าขนสัมภาระลงไปยังที่พักกัน


ระหว่างทางเดินลงมายังแพที่พักก็หยุดถ่ายรูปกันสักหน่อย พอถึงก็ทำการเช็คอินรับกุญแจห้องพักและนำกุญแจมาให้ทุกคนเลือกว่าใครอยากนอนกันห้องไหน พวกเราได้นอนแพเดียวกัน ห้องพักติดกัน แต่ผมมีอันต้องขยับถัดไปอีกห้องเนื่องจากห้องที่ติดกันนั้นห้องที่ผมได้กุญแจดันไขไม่ออก ผมรอนานพอสมควรจึงขอเปลี่ยนห้อง


เมื่อทุกคนได้ห้องพัก เก็บของ จัดกระเป๋ากันเรียบร้อย พวกเราก็ออกมานั่งดื่มกัน ก่อนที่จะออกไปเล่นกิจกรรมที่ทางรีสอร์ทมีให้นั่นก็คือไปเล่นน้ำและลอยคอตามกระแสน้ำมายังรีสอร์ทคือเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทจะพาเราขึ้นแพและใช้เรือลากไปยังจุดที่สามารถเล่นน้ำได้และให้เราลอยคอมาจนถึงรีสอร์ท



นั่งรอเวลาก่อนออกไปเล่นน้ำกันก็จัดกันสักหน่อยจะได้ไม่เสียเวลา สำหรับกิจกรรมที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้มีทั้งหมด 3 รอบเวลาคือ 15:30 น. , 16:30 น. และ 17:30 น. พวกเราเลือกที่จะไปรอบ 15:30 น. เพราะจะได้กลับมายังที่พักไม่เย็นมากจนเกินไป
""เวลา 15:30 น."" ได้เวลาออกเดินทางไปเล่นน้ำกันแล้ว ทุกคนเตรียมพร้อมใส่ชูชีพเพื่อความปลอดภัย ขึ้นแพเตรียมตัวกระโดน้ำกันแล้ว



บนแพที่พาพวกเราไปเล่นน้ำนั้นน่าจะมีประมาณ 30 คนเห็นจะได้ ดูแต่ละคนน่าจะพร้อมแล้ว พวกเรานั่งแพไปประมาณ 15-20 นาทีเห็นจะได้ คนขับเรือลากแพก็จอดเรือและให้พวกเรากระโดดน้ำลอยคอจากตรงนี้กลับไปยังรีสอร์ท พวกเราทุกคนว่ายน้ำเป็นกันเกือบทั้งหมด พวกเราก็ดูแลกันไปคู่ใครคู่มัน ระหว่างที่ลอยคอมาเรื่อยๆก็มีเจ้าหน้าที่ของทางรีสอร์ทคอยว่ายประคองมาด้วยเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว


ระหว่างทางที่เราลอยคอมากก็จะเห็นเด็กน้อยในพื้นที่ลงเล่นน้ำด้วยเล่นกันอยู่ 3 คนและมีผู้ใหญ่คอยนั่งดูแล เด็กทั้ง 3 คนเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานพร้อมตะโกนและโยกมือทักทายพวกเราด้วย หลังจากพวกเราลอยคอตามกระแสน้ำมาประมาณ 15-20 นาทีพวกเราก็มาถึงรีสอร์ทแต่จุดที่เราขึ้นจากน้ำเป็นเฟสที่ 1 ของรีสอร์ทแต่พวกเราพักกันที่เฟสที่ 2 ดังนั้นเราก็เลยต้องนั่งเรือต่อกลับไปยังที่พักของพวกเรากันต่อ


ดูแต่ละคนเปียกแต่ถ้าเรียกถ่ายรูปแล้วทุกคนพร้อมไม่ต้องห่วง ภาพนี้หลังจากขึ้นจากน้ำแล้วกำลังนั่งแพกลับที่พักกัน หลังจากถึงที่พักแล้วก็สลับกันไปอาบน้ำ ส่วนคนที่ยังไม่ไปอาบน้ำก็นั่งดื่มเบียร์เย็นๆรอ บางคนก็ถ่ายรูปเล่นกันไป นั่งเล่นโทรศัพท์กันไป หลังจากทุกสับเปลี่ยนหมุนเวียนอาบน้ำกันจนเสร็จสิ้นทุกคนแล้วพวกเราก็นั่งรอเวลากินอาหารเย็นกัน อาหารมื้อเย็นเริ่มเวลา 19:00-21:00 น. เป็นแบบบุฟเฟ่ แต่ก่อนที่อาหารเย็นจะเริ่มพวกเราก็รวมตัวกันถ่ายรูปหมู่กันอีก



ความสุขของพวกเรามีกันตลอดเวลาแต่ความสุขที่จะมารวมกันได้แบบนี้มันช่างยากเย็นฉะนั้นเราจึงต้องเก็บภาพความประทับใจให้ได้มากที่สุด
""เวลา 19:00 น."" ได้เวลาอาหารเย็นแล้วพวกเราจัดการจับจองโต๊ะและไปตักอาหารมากินกันอาหารเย็นที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้มีประมาณ 5-6 อย่างและก็มีผลไม้อีก 2 อย่าง นึ่งกินนั่งคุยกันไปเรื่อย บางคนเริ่มอิ่ม บางคนยังนั่งกินอยู่ สำหรับตัวผมต้องจัดให้หนักเพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล แต่น่าเสียดายช่วงที่พวกเรากำลังกินอาหารมื้อเย็นกันอยู่นั้นไม่มีใครถ่ายรูปกันเลยมัวแต่กินกันจนลืม 5555 หลังจากกินอาหารเย็นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเราตั้งวงดื่มกันแล้ว สำหรับทริปนี้พวกเราเตรียมเบียร์กระป๋องมาทั้งหมด 2 ถาดรวมกับเหล้าเกาหลีและเหล้าที่ซื้อมาจากฮ่องกงด้วย


พวกเรานั่งดื่มกันไปพร้อมกับเล่นเกมส์กันไปเรื่อย ทุกคนต่างสนุกสนานกับการดื่มกินและเกมส์ที่เราเตรียมมาเล่นพลางพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ดูแล้วค่ำคืนนี้คงยาวไกลเสียแล้ว ขณะที่เรานั่งดื่มนั่งเล่นเกมส์กันพวกเราก็คุยกันถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่อไปที่พวกเราจะไปเที่ยวกันอีก ใครมีข้อมูลก็นำมาแลกเปลี่ยนกัน ใครถูกใจอะไรใครเล่นเกมส์แพ้พวกเราก็ต้องชนแก้ว


""เวลา 01:30 น."" เวลานี้ดึกมากแล้ว เหล้า เบียร์ ก็หมดเรียบร้อยก็เหลือแต่พวกเราที่ยังนั่งคุยกันอยู่แต่ก็นั่งคุยกันอีกไม่นานเพราะพรุ่งนี้กะว่าจะออกเดินทางออกจากรีสอร์ทแต่เช้าหน่อยเผื่อไปแวะเที่ยวที่อื่นอีก คุยกันเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน นัดเจอกันพรุ่งนี้ตอนเช้าประมาณ 7 โมงเช้าเพื่อรับประทานอาหารเช้าพร้อมกันครับ
""เวลา 06:30 น."" ผมมีอันต้องตื่นก่อนเวลาอันเนื่องมาจากมีคนตื่นก่อนและมาป่วนเที่ยวไปเคาะห้องคนอื่นเขาป่วนไปเรื่อย แต่ในเมื่อตื่นแล้วก็จัดการล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวไปกินอาหารเช้ากัน พวกเราพร้อมหน้าพร้อมตากันที่ห้องอาหารนั่งรวมตัวกันที่โต๊ะและแยกย้ายกันไปตักอาหารมากินกัน ขณะที่นั่งกินข้าวเช้ากันอยู่พวกเราก็คุยกันต่อว่าพวกเราจะเช็คเอ้าท์ออกจากรีสอร์ทกันกี่โมงดีแล้วพวกเราจะไปแวะเที่ยวที่ไหนกันต่อดี แต่หลังจากที่กินไปคุยกันไปพวกเราก็ได้บทสรุปกันว่า พวกเราจะเช็คเอ้าท์ออกจากรีสอร์ทกันในตอนเวลา 9 โมงเช้าและจะแวะไปเที่ยวที่ "น้ำตกเอราวัณ" กันต่อเพราะไหนๆก็มากันแล้วก็ควรจะเที่ยวให้มันคุ้มที่สุดละครับ ลืมบิกไปว่าอาหารเช้าที่นี่ก็เหมือนรีสอร์ทและโรงแรมตามต่างจังหวัดทั่วไปครับ ข้าวต้ม , ไข่ดาว , ไส้กรอก , ข้าวผัด , ชา , กาแฟ และก็โอวัลตินครับ
""เวลา 09:15 น."" ได้เวลาเช็คเอ้าท์ออกจากรีสอร์ทแล้วตามที่พวกเราตกลงกันไว้ ทุกคนต่างเก็บข้าวของมารวมกันไว้ที่โต๊ะด้านหน้า ใครที่เสร็จแล้วก็นั่งรอพลางถ่ายรูปเล่นกัน เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่งทุกคนก็เก็บข้าวของเรียบร้อยและพวกเราก็ไม่ลืมที่จะรวมตัวกันถ่ายรูปหมู่กัน




มาถึง ณ เวลานี้มันยิ่งทำให้รู้ว่าความสุข ความสนุกสนานที่พวกเราได้มารวมตัวกันมันกำลังจะหมดไป หลายคุ่นคิดว่าเมื่อไหร่ อีกนานแค่ไหนเราจะได้มารวมกันแบบนี้อีก ถ่ายรูปกันเสร็จพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ "น้ำตกเอราวัณ" ซึ่งเป็นจุดหมายต่อไปของพวกเราและน่าจะเป็นจุดสุดท้ายที่พวกเราปิดทริปนี้กันที่นี่ ระหว่างทางขับรถไปพวกเราก็หยุดแวะซื้อของฝากและก็แวะกินข้าวก่อนที่จะถึงน้ำตกเพราะต่างคนต่างก็หิวกันมากแล้วและอีกอย่างหนึ่งเกรงว่าค่าอาหารที่น้ำตกนั้นจะแพงเกินไป พวกเราขับรถมาตามป้ายมาเรื่อยๆใช้เวลาสักประมาณ 1 ชั่วโมงเศษพวกเราก็มาถึงทางเข้า "น้ำตกเอราวัณ" อันนี้ต้องบอกตามตรงเลยนะครับเมื่อพวกเรามาถึงที่นี่และอยากจะเลี้ยวรถกลับเลยก็เป็นเพราะว่าราคาค่าเข้าไปยังตัวน้ำตก คนไทย(ผู้ใหญ่) 100 บาท , เด็ก 50 บาท ส่วนต่างชาตินั้นก็เพิ่มอีกเท่าตัวหนึ่งแหละครับ ตั้งแต่ผมเที่ยวอุทยานแห่งชาติมามีที่นี่แหละแพงที่สุดแล้ว พวกเราไปกันทั้งหมด 8 คนรถยนต์อีก 2 คันรวมเป็นเงินที่พวกเราต้องจ่ายเป็นค่าเข้าไปยังน้ำตกนั้นอยู่ที่ 860 บาทแต่ในเมื่อไหนๆก็มาถึงทางเข้ากันแล้วก็ต้องเข้าไปชมความงามของน้ำตกกันสักหน่อย คิดในใจหวังว่าน้ำคงจะล้นน้ำตกนะ


ยินดีต้อนรับสู่ "น้ำตกเอราวัณ" จากป้ายนี้พวกเราต้องเดินเท้าเข้าไปยังตัวน้ำตกอีกประมาณ 500-700 เมตรแต่ถ้าใครไม่อยากเดินก็มีรถกอล์ฟให้บริการสนนราคาคนละ 30 บาท พวกเราเดินเข้าไปกันครับ



ระหว่างทางเดินขึ้นไปยังน้ำตกครับ เหนื่อยนักก็แวะถ่ายรูป นั่งพักบ้าง บอกตรงๆครับว่าเหนื่อย เหนื่อยมากๆ เหนื่อยชนิดที่ว่าขานี่สั่นเลยครับ เอ้าๆๆๆๆๆ เร็วๆรีบเที่ยวจะได้รีบกลับเมื่อยขาแล้ว พวกเราเดินผ่านไปน้ำตกไปทีละชั้นจนมาถึงชั้นที่ 4 พวกเรามาถึงแค่ชั้นนี้ครับ เพราะเห็นน้ำที่ตัวน้ำตกแล้วยิ่งเดินขึ้นไปน้ำก็ยิ่งน้อยลง "น้ำตกเอราวัณ" มีทั้งหมด 7 ชั้น หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ากลับเถอะในเมื่อจะกลับก็ต้องกลับก่อนกลับเราก็ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานว่าพวกเรามาถึงชั้น 4 แล้วนะ(ชั้น 4 มีชื่อว่าอกผีเสื้อ)



หลังจากถ่ายรูปหมู่รูปนี้เสร็จพวกเราก็ตัดสินใจเดินลงไปยังด้านล่างและเดินทางกลับกันดีกว่า อีกอย่างก็บ่ายแก่แล้วไม่อยากกลับถึงกรุงเทพฯดึกจนเกินไป หลังจากเดินขึ้นเดินลงจนเมื่อย พวกเราก็เดินไปแวะพักไปและพวกเราก็ได้เวลาแยกย้ายกลับกันแล้ว



""เวลา 15:00 น."" พวกเราขับรถออกจากตัวน้ำตกและมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ และสุพรรณบุรี พวกเราแยกกันในตัวจังหวัดกาญจนบุรี ทริปนี้เป็นอันจบลงแต่เพียงเท่านี้

""สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจในทริปนี้
-สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยมี จะทำให้ห่างจากโซเชี่ยล
-มี WiFi ให้แต่คนใช้เยอะกว่าสัญญาณที่จะแชร์
-อยากกินอะไรซื้อไปให้ครบ
-ควรว่ายน้ำให้เป็น 
-ห้องพักไม่เก็บเสียงจะทำอะไรควรระวัง
""รูปส่งท้ายประจำทริปนี้

        
                                                                   เจ๊สม & ลุงฟัก

        
                                                                 อิเสี้ยม & ช่างเหมียว

        
                                                                    ไอ้จั้ม & ไอ้ตุ๊ก

         
                                                               ไอ้หนอน & อีตุ่น


**************************************************สวัสดี****************************************************